ลิเวอร์พูล-คาสิโนออนไลน์

ลิเวอร์พูล ดวนจุดโทษเฉือน เชลซี คว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ สมัยที่ 4

ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์แรกสำหรับฤดูกาลใหม่ได้แล้วเมื่อดวลจุดโทษชนะ เชลซี 5-4 หลังจากเสมอกันในเวลา 120 นาที 2-2 ทำให้พวกเขาผงาดซิงโทรฟี่ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ สมัยที่ 4 สนามโวดาโฟน พาร์ค ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งเป็นดินแดนแห่งความทรงจำสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป"

จากเหตุการณ์มหัศจรรย์แห่งอิสตันบูล เมื่อปี 2005 ที่ “หงส์แดง” ชนะจุดโทษ เอซี มิลาน ทั้งๆ ที่ตกเป็นรองตั้งแต่ครึ่งแรก 0-3 แต่ครึ่งหลังไล่ตีเสมอ 3-3 และยื้อจนกระทั่งฏีฎา โดยแมตช์กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” พวกเขาต้องดวลจุดโทษอีกครั้ง และประสบความสำเร็จอีกเช่นกัน

ขณะที่ เชลซี แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเป็นทีมที่มีอนาคตจริงๆ เพราะ แฟร้งค์ แลมพาร์ด โชว์กึ๋นให้เห็นถึงการเป็นทีมที่มีสไตล์เกมบุกที่โดดเด่นโดยเฉพาะการจ่ายบอลแบบตัดหลังแนวรับที่สร้างปัญหาให้กับ “เดอะ เร้ดส์” ตลอด รวมถึงไปผลงานระดับมาสเตอร์พีซของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่คุมเกมแดนกลางอยู่หมัด แต่สิ่งที่ต้องแก้ไขก็ความความเฉียบคม เพราะ “สิงห์บลูส์” ดูเหมือนนักมวยที่ดีแต่แย็บเก็บคะแนน อาวุธหนักยังไม่มี สู้ ลิเวอร์พูล ที่แย็บน้อยแต่มีหมัดหนักพร้อมน็อกเสมอ 

สำหรับแมตช์นี้แฟนบอล “หงส์แดง” ยังคงงงไม่หายกับการจัดตัวของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ดร็อป โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และให้โอกาส อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ซึ่งเล่นได้น่าผิดหวังมาก ส่วนแนวรับก็เลือก โจ โกเมซ ยืนแบ็กขวาทั้งๆ ที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีสภาพความฟิตเต็มร้อย

คล็อปป์ ทำให้หลายคนต้องงงเมื่อตัดสินใจดร็อป โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และใช้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เป็นตัวจริง โดยในครึ่งแรกเห็นได้ชัดว่า ดาวเตะชาวอังกฤษ ไม่มีบทบาทในเกมรุกของทีมเลย แถมหายไปจากเกมจนหลายคนแซวให้เรียกหานักเตะด่วน เพราะไม่โผล่หัวให้เห็นด้วยซ้ำ

ในครึ่งหลังเมื่อ ฟีร์มีโน่ ลงมาทุกอย่างเปลี่ยนไปทันที และเจ้าตัวก็แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้เล่นแนวรุกที่คอยเชื่อมเกมให้กับทีม ที่สำคัญสองประตูที่ “เดอะ เร้ดส์” ได้ สตาร์ลูกหนังชาวบราซิเลียน มีส่วนอย่างมาก ฉะนั้นการที่ คล็อปป์ ดร็อปเขาถือเป็นเรื่องผิดพลาดมหันต์

ตลอดครึ่งหลังไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ฟีร์มีโน่ มีส่วนกับเกมของลิเวอร์พูลมากๆ แต่ต้องยอมรับแนวรุกของ “หงส์แดง” ยังขาดประสิทธิภาพทำให้ทีมไม่สามารถสร้างสรรค์เกมได้มากนัก แต่ที่แน่ๆ ก็คือ คล็อปป์ ควรต้องมี ฟีร์มีโน่ อยู่ใน 11 ตัวจริง เพราะนี่คือผู้เล่นที่ทีมขาดไม่ได้

หรือต้องหานักเตะที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับฟีร์มีโน่ ไม่งั้นทีมจะขาดตัวทดแทนที่มาเชื่อมเกมระหว่างกองกลางกับกองหน้า

 ก่อนเกม แฟร้งค์ แลมพาร์ด เปิดเผยว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ยังต้องลุ้น 50-50 ในเกมกับ ลิเวอร์พูล แต่พอเอาเข้าจริงๆ ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ได้ลงสนามตัวจริง พร้อมกับสภาพความฟิตที่เต็มร้อย และวิ่งยังกับม้าตลอด 120 นาที ชนิดที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนกับนักเตะที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา !!

    ย้อนไปในแมตช์ที่โดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยำใหญ่ ก็องเต้ ลงมาเล่นในช่วงท้าย และทำผลงานได้ดีพอสมควร ทำให้มีการตั้งคำถามว่าทำไม “แลมพ์ส” ถึงส่งเขาลงสนามช้าขนาดนี้ แต่หากมองในมุมบวก ก็เป็นไปได้ที่ แลมพาร์ด ต้องการส่งนักเตะลงสนามเพื่อเช็คสภาพความฟิต 

สำหรับในแมตช์กับ “หงส์แดง” ต้องยอมรับว่า ก็องเต้ เล่นได้โดดเด่นที่สุดทั้งกับ “สิงห์บลูส์” และตลอดทั้งเกม โดยเฉพาะสภาพความฟิตที่เห็นได้ชัดเลยว่าไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว แถมยังเป็นเหมือนกับหัวใจสำคัญในแดนกลาง เพราะเจ้าตัววิ่งพล่านไปทั่ว คอยช่วยทีมแบบไม่มีเหน็ดเหนื่อย

    ฉะนั้นในเวลานี้ แลมพาร์ด คงรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า อดีตดาวเตะ “เดอะ ฟ็อกซ์” เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นผู้เล่นที่มีความสำคัญของเขา และหากอยากประสบความสำเร็จในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ทีมชุดนี้ต้องมี ก็องเต้ ซึ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 เป็นแกนหลัก    

การขาดให้ไปของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” ใจหายใจคว่ำเหลือเกินเพราะแค่เปิดฤดูกาลมาเพียง 1 นัด ทีมต้องเสียผู้รักษาประตูที่ว่ากันว่าเหนียวหนึบที่สุดในโลก ณ เวลานี้ แถม คล็อปป์ ยังยอมรับว่า “หงส์แดง” คงไม่ได้เห็นหน้า “พี่หมี” อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์เลยทีเดียว

    แน่นอนว่าแฟนบอลคงคิดถึง ซิมง มิโญเลต์ (มากกว่า ลอริส คาริอุส) เพราะ โกลเบลเยียม เลือกอำลาแอนฟิลด์ ไปอยู่กับคลับ บรูซ สโมสรในบ้านเกิดเมืองนอน ส่วนตัวตายตัวแทนในเวลานี้ต้องบอกว่าโชคดีจริงๆ เพราะทีมได้ อาเดรียน มาเฝ้าเสาจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แม้จะเป็นโกลยางอะไหล่ แต่ก็มีประสบการณ์มากมายในเกมระดับสูง

สำหรับแมตช์นี้ อาเดรียน แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นโกลที่ไว้วางใจได้ (ในระดับหนึ่ง) เพราะเจ้าตัวมีช็อตโชว์เซฟให้เห็นทั้งจากจังหวะการตัดบอลจากเท้า มาเตโอ โควาซิช ในกรอบเขตโทษอย่างแม่นยำ ขณะที่ในครึ่งหลังเจ้าตัวก็โชว์ป้องกันจังหวะการยิงไกลของเชลซี

    อย่างไรก็ตามมีดีก็มีร้าย เพราะเจ้าตัวดันทำพลาดมหันต์เมื่อเข้าสกัดบอลช้าทำให้ไปชน แทมมี่ อับราฮัม หัวหอกดาวรุ่งพุ่งแรง จนเสียจุดโทษ ส่งผลให้เสมอกัน 2-2 กระนั้น อาเดรียน ยังกลับมาสวมบทฮีโร่เมื่อใช้เท้าเซฟลุกยิงของ อับราฮัม ซึ่งยิงเป็นคนที่ 5 ทำให้ “หงส์แดง” เถลิงแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 4 

สนับสนุนโดย G Club 2020 คาสิโนออนไลน์ พนันบอลออนไลน์ ที่มาแรงที่สุด